20 ปีที่รอคอย “สาลิกา” ยิงใน UCL

ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งวันสถาปนาตัวเองของ นิวคาสเซิ่ล หลังกด เปแอสเช ยับเยินไร้ทางสู้ 4-1 ขึ้นนำเป็นจ่าฝูง UCL กรุ๊ป ออฟ เดธ ด้วยผลงานชนะ 1 เสมอ 1

เกมแรกของถ้วยหูกางที่ “เซนต์ เจมส์ พาร์ค” ในรอบ 20 ปีของเหล่าพลพรรค “สาลิกาดง” ถูกบรรยากาศทั่วทั้งสนามบิ๊วอัพอารมณ์ผู้เล่นวิ่งลืมตายตั้งแต่วินาทีแรกยันจบเกม

วันที่ ลิเวอร์พูล บุกมาเอาชนะที่นี่เจอแรงกดดันเสียงเชียร์หนักมากแต่บอกได้คำเดียววันเมื่อคืนวันพุธดูเหมือนจะรุนแรงกว่าด้วยครับ

พูดได้ว่าประชากรทั้งเมือง, นักเตะและสต๊าฟโค้ชแสดงออกเป็นเสียงเดียวกันคือผลการแข่งขันเป็นอื่นไม่ได้จริงๆ มันต้อง 3 แต้ม 3 แต้มและ 3 แต้ม

เปแอสเช ของ หลุยส์ เอ็นริเก้ แสดงตัว “ทำเป็นเข้ม” ด้วยการพยายามเซ็ตอัพบอลจากแดนหลังเพื่อล่อลวงให้นักเตะเจ้าถิ่นขึ้นมาเพรสกันเยอะๆ

โดยแผนที่วางไว้กะเปิดพื้นที่ตรงกลางไว้โจมตีสายฟ้าแล่บแต่ขอโทษที แอ๊พแตก!!

สัญญาณเตือนภัยเล่นหน้าบ้านตัวเองเสี่ยงๆมีแจ้งมาเป็นระยะๆแต่ก็ยังพยายามยึดคำสั่งเจ้านายอย่างเคร่งครัดจนกระทั่งเจอดี

ในที่สุดจากจังหวะ มาควินญอส เจอเพรสหนักๆเลยเลือกเปิดยาวแต่ไม่พ้นหัว กีมาเรส ที่สุดท้ายแล้วบอลเข้าทางตีน อีซัค ก่อนไปจบที่ อัลมิรอน ซัดเบิกร่อง

เป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูใน แชมเปี้ยนส์ลีก ต่อจาก อลัน เชียเรอร์ ที่เคยทำทิ้งทวนคนสุดท้ายเมื่อปี 2003

Icing on the cake ในวันชื่นมื่นถูกตอกย้ำด้วยประตูทดเจ็บ 90+1 ของ แชร์ สกอร์ดุดัน 4-1

มากไปกว่านั้น “ทูนอาร์มี่” หัวใจฟูเมื่อ 2 ใน 4 ประตูมาจากเด็กท้องถิ่นทั้ง แดน เบิร์น และ ฌอน ลองสตาฟฟ์

เบิร์น ในวัย 31 ปีเคยเป็นนักเตะเยาวชน “สาลิกา” และเชียร์ทีมนี้ตั้งแต่เด็กโดยมี อลัน เชียเรอร์ เป็นไอดอลก่อนถูกปล่อยออกจากทีมตั้งแต่อายุ 11 ขวบ

ลองสตาฟฟ์ ในวัย 25 ปีเป็นนักเตะท้องถิ่นตั้งแต่ปี 2006 ก่อนฟอร์มช่วงปรีซีซั่นเตะตา ราฟาเอล เบนิเตซ​ อดีตบอส จนกระทั่งได้ประเดิมทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2018

เปแอสเช ที่เห็นไม่เหมือนเดิมจริงๆครับ ฟอร์มใน ลีก เอิง ก่อนมาเยือน อังกฤษ ก็ดันทำเรื่องขายขี้หน้าเมื่อบุกไปเสมอกับ “อดีตบ๊วย” แกลร์กมงต์ ฟุต 0-0 และเป็น 1 แต้มพลิกล็อกที่ถีบ ลียง ร่วงไปนอนท้ายตารางแทนหลังจบเกม

นักเตะตัวชูโรงอย่าง เดมเบเล่ กับ เอ็มบัปเป้ ได้โชว์เรียกเสียงฮือฮาบ้างก็จริงแต่ได้แค่ยึกยักไปมาแล้วก็เสร็จฝูง “ม้าน้ำ” ที่รอซ้อนกันอย่างมีวินัย ไกรบุตรสุดๆ

จุดสลบของ เปแอสเช ในเกมนี้คือ “พี่เก้” น่าจะคิดเยอะไปหน่อยหุบเอา “นินจาเต่า” มาเล่นตรงกลางตำแหน่งหน้าต่ำหลัง กอนซาโล่ รามอส

พื้นที่ในการกระชากของ “ปธ.เป้” เลยเหลือน้อย แหวกยังไงไหว เล่นไปเล่นมาก็ต้องถ่างออกมาริมเส้นไปทับกับ มูอานี่ ที่เล่นไม่ออกและถูกเปลี่ยนตัวตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง

ส่วนอื่นๆที่ทำให้เกมของ เปแอสเช ดูไม่มีอะไรเลยก็คือการผ่านบอลที่เสียง่ายเหมือนไม่เข้าใจกัน เราก็นึกว่าจะได้ดูบอลมันๆที่มาสู้ได้สนุกกว่านี้

ครูผิดหวังในตัวเธอนะ!!

เราได้เห็นวัฏจักรเก่าไปใหม่มาอย่างแจ่มแจ้งที่สุดระหว่าง นิวคาสเซิ่ล ที่อยู่ดีๆโผล่ขึ้นมาเป็นสายเลือดใหม่ห้าวเต็มที่ เหมือนเสือที่หลุดออกจากกรง

ในขณะที่ เปแอสเช กราฟค่อยๆร่วงหลังเคยพีคสุดเกือบได้แชมป์เมื่อปี 2019-20 ที่ ณ ตอนนั้นมีทั้ง เมสซี่, เนย์มาร์ และ เอ็มบัปเป้ ก่อนที่ 2 คนแรกระเห็จไปตามทางส่วนคนหลังน่าจะอยู่อีกไม่นาน

ผลงานต่อยอดเข้ารอบรองในฤดูกาลต่อมา 2020-21 แต่นั่นคือผลงานใกล้เคียงที่สุดแล้วก่อนที่ 2 ปีหลังสุดเต็มที่คือรอบ 16 ทีมสุดท้าย

ท่ามกลางกระแส VAR เน่าๆคู่ สเปอร์ส กับ ลิเวอร์พูล หากใครได้ชมเกมที่ เซนต์ เจมส์ พาร์คจะเห็นได้ว่าทีมงานผู้ตัดสินของ ยูฟ่า มีการเช็ก VAR ค่อนข้างละเอียด ระบบตรวจจับล้ำหน้า AI เนียนกริบไม่มีพลาด

แต่ดันมีจังหวะกังขาที่ผมคิดว่ากรรมการพรีเมียร์น่าจะทำได้ดีกว่าแน่ๆเพราะเป็นการตัดสินตามตัวอักษรเป๊ะๆไม่ยากเลย

คือ 1. ลาสเซลล์ ทำแฮนด์บอลก่อน เบิร์น ยิงลูก 2-0 เป็นช็อตกระโดดโหม่งในเขตโทษแล้ว “ว่าว” บอลตกไปโดนมือตัวเองชนิดสะบัดกันเลยทีเดียว

แต่ผมไม่ทราบว่า VAR เห็นไหมเพราะเท่าที่เห็นทีมงาน “โฟกัส” กับจังหวะท้ายๆว่าล้ำหรือไม่ล้ำและบอลข้ามเส้นไปหรือยัง

หลังเช็กอยู่หลายนาที (จนแฟนในสนามโห่) ก็ให้เป็นประตูซึ่งตอนแรกที่มีการเล่นภาพช้า “แฮนด์” ผมคิดว่าไม่น่ารอดแต่ก็รอดแฮะ

2. บรูโน่ กีมาเรส โชคดีมากกกกกที่ไม่โดน “ใบแดง” ช่วงทดเจ็บครึ่งแรกที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนเรื่องตัวผู้เล่นได้เลย

เป็นจังหวะ off the ball วิ่งแข่งกับ อูการ์เต้ แต่อยู่ดีๆแข้งบราซิเลี่ยนกำหมัดทุบไปที่หัวจนแข้งอุรุกวัยลงไปนอนดิ้นกุมหัว

VAR เช็กแล้วยืนคำตัดสิน “ใบเหลือง” ตามเดิมซึ่งที่อังกฤษ การออกหมัดลักษณะนี้ไม่รอดแน่นอน

แต่ส่วนตัวถ้าให้เลือกนะ ผมชอบพวกผู้ตัดสินของยูฟ่ามากกว่า เท่าที่ดูมาหลายต่อหลายปีส่วนใหญ่เป่าหนักแน่น รู้สึกมั่นใจได้ในระดับนึง

ที่สำคัญไม่โง่ดีครับ…

สถิติ สถิติ สถิติ

การเปิดบ้านถล่ม เปแอสเช 4-1 เป็นชัยชนะที่สกอร์ท่วมท้นที่สุดในรายการนี้ของ นิวคาสเซิ่ล ในขณะที่ยอดทีมจากฝรั่งเศสย่อยยับมากที่สุดนับตั้งแต่แพ้ เชลซี 3-0 เมื่อปี 2004

แดน เบิร์น และ ฌอน ลองสตาฟฟ์ เป็น “ดูโอ” ชาวอังกฤษของ “สาลิกา” ที่ยิงประตูใน UCL ในเกมเดียวกันเป็นครั้งที่ 2 หลัง จอห์น บาร์นส์ และ สจ๊วจ เพียรซ์ เคยทำไว้เมื่อปี 1997 ในเกมพบ ดินาโม เคี๊ยฟ

มิเกล อัลเมรอน ยิงคนประตูแรกใน UCL ให้ นิวคาสเซิ่ล นับตั้งแต่ อลัน เชียเรอร์ ซัด อินเตอร์ เมื่อเดือนมีนาคม 2003 โดยสถิติที่ยืนยงต่อไปคือหาก “สาลิกา” นำคู่แข่ง 1-0 พวกเขาไม่เคยแพ้ใครในรายการนี้เลย

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู: