เผยทีมอื่นไม่ปลื้ม ‘ผี’ ผยองดูดบุคลากร

มีรายงานระบุว่า แรงผลักดันในการสรรหาบุคลากรของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้ INEOS ของเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ กำลังสร้างความไม่พอใจให้กับสโมสรในพรีเมียร์ ลีก และแชมเปี้ยนชิพ

“ปีศาจแดง” กำลังไล่ล่าตัวบุคลากรระดับสูงหน้าใหม่ ๆ นับตั้งแต่การลงทุนของ แรตคลิฟฟ์ ในสโมสรได้รับการประกาศเมื่อวันบ็อกซิ่งเดย์ที่ผ่านมา ซึ่งมหาเศรษฐีชาวอังกฤษได้ถือหุ้น 27.7 เปอร์เซ็นต์กับยูไนเต็ด

โอมาร์ เบร์ราด้า ถือเป็นการประกาศสุดช็อกครั้งแรกในยุคของ แรตคลิฟฟ์ โดยเขาอำลาทีมคู่อริอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพื่อรับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงคนใหม่ของยูไนเต็ด

แดน แอชเวิร์ธ คือเป้าหมายรายถัดมา และต่อจากนั้นเขาโดน นิวคาสเซิ่ล จับการ์เดนนิ่ง ลีฟ หลังจากที่เขาเปิดเผยความทะเยอทะยานที่จะย้ายไปทำงานในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด

Mail Sport รายงานเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่าขณะนี้ แมนฯ ยูไนเต็ดได้ดำเนินการอย่างเป็นทางการสำหรับการดึงตัว เจสัน วิลค็อกซ์ ผู้อำนวยการทีมเซาท์แธมป์ตันแล้ว แม้ว่าอนาคตของเอริค เทน ฮาก ในช่วงซัมเมอร์นี้ยังไม่ถูกตัดสินก็ตาม

นิวคาสเซิ่ล และเซาท์แธมป์ตัน ไม่พอใจ ยูไนเต็ด เกี่ยวกับวิธีการหาบุคลากรใหม่ของพวกเขา ตามรายงานของ The Sun

ยูไนเต็ด ตกลงที่จะจ่ายเงินค่าจ้างของวิลค็อกซ์ 12 เดือนให้เซาท์แธมป์ตันเป็นค่าชดเชย แต่เป็นที่เข้าใจกันว่าสโมสรในแชมเปี้ยนชิพ กำลังรอเงินที่มากกว่านั้น และยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงกัน

วิลค็อกซ์ ยังไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ นับตั้งแต่ข่าวความสนใจของยูไนเต็ดปรากฏครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แต่เขายังไม่ได้จับให้การ์เดนนิ่ง ลีฟอย่างเป็นทางการ

ผู้บริหารวัย 52 ปี เพิ่งเข้าร่วมสโมสรเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว หลังจากใช้เวลา 11 ปีในการทำงานให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ในทีมรุ่นเยาว์ โดย 6 ปีสุดท้ายของเขาทำงานเป็นผู้อำนวยการทีมอคาเดมี่ คอยปลุกปั้นดาวรุ่งชื่อดังอย่าง ฟิล โฟเด้น, ริโก ลูอิส, ออสการ์ บ็อบบ์ และ โคล พาลเมอร์

ยูไนเต็ด ไม่มีทีท่าว่าจะชะลอเครื่องในการหาตัวผู้มีความสามารถระดับสูงหน้าใหม่ เพื่อช่วยปฏิวัติช่วงเวลาแห่งความสำเร็จที่ยั่งยืนในอนาคต และพฤติกรรมของพวกเขาก็เป็นประเด็นร้อนที่สโมสรอื่น ๆ เฝ้าติดตาม

INEOS คว้าสิทธิ์ในการควบคุมการบริหารด้านกีฬาของสโมสร ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถทำการแต่งตั้งบุคลากรใหม่ ๆ ได้ แต่ยังเป็นตระกูลเกลเซอร์ ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

แรตคลิฟฟ์ แสดงท่าทีชัดเจนในการเปิดเผยความทะเยอทะยานของเขาที่จะทำให้แชมป์พรีเมียร์ลีก 13 สมัย กลายเป็นเจ้าพ่อฟุตบอลยุโรปอีกครั้ง หลังจากช่วงเวลาที่ยากลำบากนับตั้งแต่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งล่าสุดเมื่อปี 2013

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู: