กรี๊ดมันออกมา ไม่เอาปีนี้จะเอาปีไหน

World class, World class และ World class ไม่มีคำไหนเหมาะสมคู่ควรกับ 45 นาทีที่ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ได้บรรเลงศาสตร์ฟุตบอลให้โลกได้รับชม

“จ่าฝูง” มีทุกอย่างเท่าที่ทีมชั้นยอดซักทีมนึงเขามีกัน….ทั้งความดุดัน, สงบนิ่ง, มีวิชั่น, ทีมเวิร์ค,​ มีคุณภาพฝีเท้าและมีวินัยใฝ่เรียนรู้คู่คุณธรรม

ระบบและรูปแบบการเล่นที่ซึมซับเข้าสู่สายเลือดของนักเตะ “ปืนใหญ่” ทำให้การมาเยือน สเปอร์ส ครั้งนี้เหมือนเล่นในบ้านตัวเองก็มีวาย (ชนม์)

Outclass แบบเอกฉันทร์พร้อมทำลายสถิติไม่เคยบุกมาชนะ สเปอร์ส นานถึง 8 ปีลงได้เรียบร้อย

การขึงเกมให้เล่นอยู่ในแดนเจ้าถิ่นเกือบๆทั้งครึ่งแรกและรุมตอมแย่งทันทีที่เสียการครองบอลเป็นการทำทารุณกรรมอย่างโหดเหี้ยมที่สุดครั้งนึงในเกม นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้

เพียงแค่ 2 ปัจจัยข้างต้นก็มากพอที่จะทำให้ “ไก่เดือยทอง” โงหัวไม่ขึ้นกว่าที่เอซเบอร์ 1 ของทีมอย่าง แฮร์รี่ เคน จะมีโอกาสทำประตูหนแรกก็ปาเข้าไปนาที 45+3 นู่นเลย

ค่าเฉลี่ยนักเตะของ “ปืนใหญ่” 25 ปี เป็นตัวเลข “โป๊ะเช๊ะ” สำหรับ มิเกล อาร์เตต้า ที่เด็กๆสามารถขานรับรูปแบบการเล่นของ แมนฯซิตี้ ได้อย่างลงตัว

การเสียประตูแรกอย่างรวดเร็วทำให้ “คลับไก่” จากที่เป็นรองอยู่ก่อนแล้วยิ่งเสียเปรียบหนักเข้าไปอีกเมื่อพิจารณาจากสไตล์การเล่นที่ชอบคุมโซนรอสวนกลับชาวบ้านชาวช่องเขา

ความผิดพลาดของ ฮูโก้ ญอริส ไม่ใช่เรื่องใหม่ แฟนบอลชินชาและเบื่อหน่ายมานาน

ที่ผ่านๆมาต้องมานั่งลุ้นไม่ให้แกทำอะไรเปิ่นๆถึงขึ้นเสียประตู แฟนเซ็งเพื่อนร่วมทีมท้อใจ

OG. ในนาทีที่ 14 ตอกย้ำเสียงดังหนักแน่นว่าหาก สเปอร์ส ต้องการก้าวข้ามอะไรซักอย่างต้องเริ่มที่ตำแหน่งนี้ก่อน

ลูกเซฟยากๆของ “รองแชมป์โลก” ไม่เป็นสองรองใครอันนี้ไม่เถียงครับแต่น้าแกก่อความผิดพลาดเยอะเกินไปสำหรับคนเล่นฟุตบอลเป็นตำแหน่งสุดท้าย

คนเปิดอยู่เส้นหลังและตัวเองยืนข้างเสา ผู้รักษาประตูระดับนี้ปัดบอลห่วยแค่ไหนมันควรต้องทำได้ดีกว่านี้ (ถ้าบอลลอดดากเข้าก็อีกเรื่อง)

การได้ดูลีลาท่วงทาการพลิกบอล, เปลี่ยนแกนและแทงทะลุช่องของ มาร์ติน โอเดการ์ด ได้อรรถรสความสุนทรีย์อย่างแท้จริง

ประตู 2-0 จากการยิงไกลนอกเขตโทษมีทั้งเวลาและพื้นที่วางเท้าเหลือเฟือ

แต่เครดิตส่วนนึงผมขอยกให้ โธมัส ปาร์เตย์ ที่โคตรนิ่งงงงงง สามารถเก็บตกลูกที่ ญอริส สาดโด่งขึ้นมาโดยมีผู้เล่น สเปอร์ส วิ่งเข้ามารุม 3 ตัว

บอลนำครึ่งแรก 2-0 แน่นอนครับ “ปืนใหญ่” ลดความบ้าพลังลงในครึ่งหลังและตามสูตรที่ฝัี่งเจ้าถิ่นที่ไม่มีอะไรจะเสียต่อหน้าแฟนบอลตัวเอง

บอลของ “คลับไก่” ดุดันขึ้น มีชิวีตชีวาขึ้นโอกาสทำประตูมากมากนับ 10 ครั้งแต่ผลลัพท์ต่างกับ “ปืนใหญ่” ที่ฉวยโอกาสสำเร็จไปแล้วตั้งแต่ 36 นาทีแรก

แต่ แรมส์เดล เซฟลูกจะๆเหน่งๆ 4 ครั้งในเกมนี้ (ครึ่งแรก 2 ครึ่งหลัง 2) โดย 2 ครั้งในครึ่งหลังเกิดขึ้นติดๆกันภายใน 2 นาทีจากทั้ง เคน และ เซสเซญอง

เป็นรีแคปและข้อแตกต่างของผู้รักษาประตูของทั้ง 2 ทีมที่มีส่วนต่อชัยชนะและความพ่ายแพ้ครั้งนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดราม่าขโมยซีนเกิดขึ้นหลังจบเกมจากเหตุการณ์แฟนบอล “ไก่” อารมณ์ค้างเตะใส่ แรมส์เดล

เรื่องของเรื่องเท่าที่ผมดูจากภาพช้า แรมส์เดล จะไปหยิบขวดน้ำที่อยู่หลังประตูซึ่ง ริชาร์ลิซอน มองว่านายทวารทีมชาติ อังกฤษ มีเจตนาแอบแฝงเพื่อยั่วแฟนบอล (เลยมีการผลักนิดหน่อย)

จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การทำร้าย (แม้จะไม่รุนแรง) เลยขอบเขตของกีฬา ไม่สามารถยอมรับได้ แพ้ในเกมก็แพ้ไป อยากระบายก็ด่าพ่อล่อแม่ให้เต็มที่

ครับแฟนบอล สเปอร์ส คนนั้นรอรับบทลงโทษจากผู้มีอำนาจได้เลยนะ (ถ้าไม่ตาบอดไปซะก่อน)

ครับการนำจ่าฝูง 8 แต้มหลังเล่นไป 18 นัดเป็นตัวเลขที่ใหญ่เอาเรื่องเมื่อมองจากฟอร์มของทั้ง อาร์เซนอล และ แมนฯซิตี้

“ปืน” ยังต้องเจอความท้าทายครั้งใหญ่ติดๆกันเมื่อมี แมนฯยูฯ ที่ฟอร์มร้อนสุดๆในวันอาทิตย์ที่จะถึง

ต่อให้ผลออกมาไม่เป็นใจหรืออะไรก็ตาม…แต่ในสายตาผม อาร์เซนอล ยกระดับคุณภาพทีมขึ้นมาไม่หนี “เรือใบ” ไปไหนแล้ว

วิธีการเล่นแทบไม่เสียบอลในแดน 1 และ 2 ซึ่ง เป๊ป ให้ความสำคัญกับตรงนี้มากเพราะหากคุณตัดความผิดพลาดตรงนี้ออกไปจากสารบบทุกเมื่อเชื่อวัน คู่ต่อสู้แว้งยิงประตูคุณยากขึ้นเท่านั้น

ในซีซั่นที่ ลิเวอร์พูล กับ เชลซี หลุดวงโคจรไปอยู่กลางตาราง, แมนซิตี้ ทำแต้มหกเรี่ยราดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน, หรือทั้ง นิวคาสเซิ่ล และ แมนฯยูฯ ยังไม่พร้อมในปีนี้

ผมยังจำความรู้สึกของแฟน “ปืนใหญ่” เมื่อซีซั่นที่แล้วหลังเปิดหัว 3 นัดแรกแพ้ 3 รวดยิง 0 เสีย 9 กินบ๊วยก่อนที่จะเชียร์บอลแบบเอาฮาผุดโปรเจค 35-0-3

ตอนนั้นพวกคุณโคตรดิ่งและมองว่ากว่าจะไปถึงระดับ ซิตี้ หรือ ลิเวอร์พูล ไม่รู้ต้องรอกี่ปีกี่ชาติ

แต่นี่ใช้เวลาปีเดียวนำ “จ่าฝูง” เฉยและกลายเป็นว่าตอนนี้เด็ก “หงส์” กลับต้องมาอิจฉาแทนหลังสภาพทีมแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ไม่อยากเจอด้วยถึงขนาดต้องมาเช็กดูโปรแกรมว่าต้องเจอกับ อาร์เซนอล เดือนไหน

ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีครับ ถ้า อาร์เซนอล ไม่เอาแชมป์ปีนี้จะไปเอาปีไหน สถานการณ์โอกาสเป็นใจขนาดนี้ไม่ต่างจากวันที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ได้แชมป์เมื่อฤดูกาล 2015-16

ดวงบาดเจ็บที่ทีมอื่นเผชิญกันหน้าสลอนแต่ “ปืนใหญ่” กลับหนทางสะดวกมีตัวหลักแค่ เชซุส เพียงคนเดียว

ฟ้าฝนเป็นใจขนาดนี้ ไม่ต้องอายครับ ยุคนี้สังคมเปิดกว้างแล้ว กรี๊ดมันออกมา

หากท้ายที่สุดแล้วรถผ้าป่าคว่ำ ผมจะออกมารับหน้าให้พวกท่านเองครับ…

สถิติ สถิติ สถิติ

ผ่านมาแค่ครึ่งทาง มาร์ติน โอเดการ์ด ทำผลงานดีกว่าซีซั่นที่แล้วเรียบร้อยหลังมีส่วนร่วมกับประตู 13 ลูก (ยิง 8) ในทุกรายการ

2022-23 : ลงเล่น 23 เกม, ยิง 8 ประตู, 5 แอสซิสต์

2021-22 : ลงเล่น 40 เกม, ยิง 7 ประตูม 5 แอสซิสต์

8 แต้มที่ อาร์เซนอล ทิ้งทีมอันดับ 2 อย่าง แมนฯซิตี้ เป็นช่องว่างที่มากที่สุดเมื่อลงเล่นนัดที่ 18 นับตั้งแต่วันสุดท้ายของฤดูกาล 2003-04 ซึ่งเป็นปีที่ “ปืนใหญ่” ได้แชมป์ลีกด้วยการทิ้งกระจุย 11 แต้ม

ฮูโก้ ญอริส ทำเข้าประตูตัวเองเป็นหนแรกใน 354 เกมที่เฝ้าเสาในพรีเมียร์ลีก

ตัวเลขอาถรรพ์เมื่อ 4 นักเตะ สเปอร์ส ที่ลงเล่นใน นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ แมทช์ ไม่มีใครซักคนที่ได้ลิ้มรสชัยชนะฉลองวันเกิดตัวเองเลย

กุมภาพันธ์ 2012 – อเดบายอร์ (แพ้)

พฤศจิกายน 2012 – เนาท์ตัน (แพ้)

มีนา 2019 – อัลเดอร์ไวเรลด์ (เสมอ)

มกราคม 2023 – ดายเออร์ (แพ้)

เชลซี เอาชนะ คริสตัล พาเลซ ในพรีเมียร์ลีกทั้ง 11 นัดหลังสุดที่เจอกันโดยในประวัติศาสตร์ของพวกเขาเคยเอาชนะติดต่อกันมากที่สุด 12 เกมเท่านั้นในการพบกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน (1989-2011)

นับตั้งแต่เริ่มซีซั่นที่แล้ว มีแค่ แฮร์รี่ เคน (11) เท่านั้นที่โหม่งพังประตูในลีกมากว่า ไค ฮาแวรตส์ (6)

นิวคาสเซิ่ล เกมรับเหนียวสุดล่าสุดหลังเบียดเอาชนะ ฟูแล่ม 1-0 ทำให้เก็บคลีนชีตเป็นนัดที่ 11 และเสียประตูในฤดูกาลนี้น้อยที่สุดในลีกแค่ 11 ลูก

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู: