7 แต้ม “ล้มบนฟูก” ปืนใหญ่กับ 2 เดือนสุดโหด
สกอร์ 4-2 กับตำหนิเล็กน้อยได้ส่งให้ อาร์เซนอล ณ ตอนนี้นำจ่าฝูงทิ้งอันดับ 2 อย่าง แมนฯซิตี้ มากถึง 7 แต้มแล้ว
ก่อนซีซั่นเริ่มไม่มีใครเชื่อแน่นอนครับว่าผ่านไปแค่ 16 นัดทีม “นอกโลก” อย่าง ซิตี้ ของ เป๊ป กวาดิโอล่า จะถูกทิ้งด้วยแต้มมากขนาดนี้
มัลติเวิร์สที่ถูกต้องมันควรเป็น “เรือใบ” มากกว่าครับที่กอบโกยแต้มทิ้งชาวบ้านตามสูตรสำเร็จหนังไทย
ซิตี้ ผ้าป่าคว่ำ 3 แต้มนอนมาหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตาแฟนบอลตัวเองหลังปล่อยให้ เอฟเวอร์ตัน ที่ตลอด 90+11 มีโอกาสยิงแค่ 2 หนและเข้ากรอบ 1 หนเป็นประตู!!!
นับจากประตู 1-0 ของ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ในนาที 24 เป็นใครก็คิดว่าวันนี้สกอร์จะสูงหรือต่ำและจะไปจบที่กี่ลูก
แต่ด้วยวินัยของแนวรับ “ท๊อฟฟี่” ที่ลองกวาดๆตามองดูตัวเลขแล้วพวกเขาเสียประตูน้อยที่สุดในลีกเป็นอันดับ 6 ร่วมกับ แมนฯยูฯ เป็นตัวยื้อชีวิตให้ทีมแบก 1 แต้มกลับเมอร์ซีย์ไซด์
ความผิดพลาดหนเดียวของ ซิตี้ ทำให้เกิดประตูโซโล่สุดสวยของ เดมาไร เกรย์
ผลงานชิ้นโบว์แดงที่ เอฟเวอร์ตัน ทำในวันนี้คือสิ่งที่หลายๆทีมที่เล่นกับ “เรือใบ” เคยต่างพยายามทำกันทั้งนั้น ตั้งรับ, รัดกุม, หาจังหวะสวนและจับผลัดจับผลูหวังว่าประตูจะมา
แต่ก็ไม่ใช่ทุกทีมที่ทำได้ ไม่สิต้องบอกว่าน้อยทีมมากที่จะโดนไปก่อนและแบ่งแต้มในบั้นปลาย
ครับผลเสมอที่ เอติฮัด ไม่ต้องสงสัยเลยว่า “จ่าฝูง” อย่าง อาร์เซนอล ซึ่งลงเล่นคู่สุดท้ายจะกระเหี้ยนกระหือรือขนาดไหน
66 วินาทีคือเวลาที่ “ปืนใหญ่” แตกทัพ ไบรท์ตัน อย่างรวดเร็ว ความนิ่งของ โธมัส ปาร์เตย์ รอให้ แลมพ์ตีย์ กระชากยาวก่อนดักกินนิ่มๆจนมาสู่ประตูสายฟ้าแลบ
นักเตะ อาร์เซนอล ทำให้ผมนึกถึงวันที่ ลิเวอร์พูล กำลังปลดล็อกแชมป์พรีเมียร์ลีกในรอบ 30 ปี
น้ำหนึ่งอันเดียวกัน, ความกระหายและ work rate เป็นยีนส์เด่นที่เรามักเห็นได้ชัดกับกลุ่มคนที่กำลัง “มีไฟ” ลุกโชนในการไล่ล่าหาความสำเร็จ
การเสีย การเบรียล เชซุส ที่เจ็บจากบอลโลกแต่ไม่ส่งผลกระทบใดๆ (อย่างน้อยๆก็ตอนนี้) ทรงบอลไม่ได้หายไปไหน
แข้งแถว 2 สาย “ซัพ” คืออาวุธสำคัญของ “ปืนใหญ่” กล่าวคือภาระหน้าที่ของการทำประตูถูกแชร์ไปยังแนวรุก 4 กุมารทองทั้ง ซาก้า, มาร์ติเนลลี่, โอเดการ์ด และ เอ็นเคเทียห์
นับตั้งแต่ถอด เบน ไวท์ ออกในนาที 60 และเป็น โทมิยาสุ มายืนแบ็คขวากลายเป็นว่า มิโตมะ ตีนออกแสงปั่นป่วนอย่งหนัก
จังหวะขึ้นๆลงๆของเกมนี้กระตุ้น heart rate แฟนบอลเกิดขึ้น 3 เซ็ต
เซ็ต 1 : มิโตมะ ยิงตีไข่แตกไล่มา 3-1 ก่อนที่ มาร์ติเนลลี่ จะดับเทียนเป็น 4-1 ในอีก 6 นาทีต่อมา
เซ็ต 2 : เฟอร์กูสัน ยิงไล่มาเป็น 4-2 ถึงตอนนี้ “นกนางนวล” บดขยี้อย่างหนัก
เซ็ต 3 : มิโตมะ ยิง 4-3 เป็น “ปืนใหญ่” ที่ระส่ำอย่างหนักก่อน VAR ริบประตูเพราะปลายสตั๊ดของแข้งทีมชาติ ญี่ปุ่น ล้ำหน้า!!
เป็นระฆังช่วยชีวิต หาไม่แล้วเวลาอีกเล็กน้อย+ทดเจ็บไม่มีอะไรการันตีว่าจะจบลงที่สกอร์ไหน
ความสุดยอดของ โอเดการ์ด ในเกมนี้น่าประทับใจจริงๆครับ ท่วงทายามได้บอลราวกับร่ายมนต์ไม่ว่าจะลูกยิงสุดงาม 2-0 ในครึ่งแรก, การคลึงบอลแบบฟุตซอลจ่ายลอดดากหรือโชว์วิชั่นเปิดบอลปั่นไซด์โค้งให้ มาร์ติเนลลี่ ยิงลูก 4-1
สมราคาที่ อาร์แซน เวนเกอร์ ปรมจารย์ยกย่องตั้งแต่เกมบ็อกซิ่งเดย์กับ เวสต์แฮม ว่าเล่นเหมือน เชส ฟาเบรกัส เป็นนักเตะที่สมบูรณ์แบบ คือเด่นทั้งรุกและรับ คิด/ตัดสินใจว่องไว ทำอะไรกับบอลเหมือนดูง่ายไปหมด
ครับในอีกนัยนึงของการทิ้ง 7 แต้ม เรามองในแง่ที่ว่าการลงสนามของ “ปืนใหญ่” ในนัดต่อๆไปความกดดันจะไม่ตึงเท่าการแซงปาดหน้านัดต่อนัดแน่นอน
และในความสำคัญของมันตีความหมายออกมาได้อีกอย่างนึงคือลูกทีม “พรี่ต้า” มีโควต้า “หลุดโค้ง” แพ้ได้อย่างน้อยๆ 2 เกมก็ยังไม่มีใครแซงหน้าได้
บังเอิญเหลือเกินว่าโปรแกรมนัดต่อไปในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ของ “จ่าฝูง” มาเป็นซีรีย์หนักๆทั้ง นิวคาสเซิ่ล, สเปอร์ส,แมนฯยูฯ, เอฟเวอร์ตัน, เบรนท์ฟอร์ด และ แมนฯซิตี้
7 แต้มที่ว่านี้จะส่งผลสำคัญเอามากๆครับทั้งเรื่องความกดดันต่อทีมที่ตามมาข้างหลังและสามารถล้มบนฟูกได้ 2 นัดตามที่กล่าวมาข้างต้น
ทันทีที่มีการโชว์กราฟฟิคโปรแกรมดังกล่าวออกมาในการวิเคราะห์ของรายการ Skysports โดย พอล เมอร์สัน อดีตแข้ง “ปืนใหญ่” ฟันธงอย่างเป็นกลาง (กลางเอมิเรสต์) ว่า
ณ ตอนนี้เขาไม่เห็นว่าจะมีทีมไหนมาหยุด อาร์เซนอล ได้แล้ว…
แม้เหล่ากองดชียร์ เดอะ กันเนอร์ส อยากเชียร์เงียบๆสงบเสงี่ยมไม่อยากให้ใครก็ตามมาออกตัวแรงตั้งแต่ยังไม่ผ่านครึ่งทาง (19 นัด)
แต่คุณคงปฏิเสธคำอวยจากบุคคลภายนอกยากซักหน่อยเพราะตอนนี้ “ปืนใหญ่” ทรงดูดีเอามากๆ
สำหรับผมจะไม่ขอล้อฟรีเหมือน เมอร์สัน เพราะจากประสบการณ์พวกปัจจัยแฝงมักจะเริ่มทำงานของมันเมื่อทีมใดทีมหนึ่งก้าวขึ้นมาท้าทายความสำเร็จเต็มตัว
ครับนักเตะพลังหนุ่มของ อาร์เซนอล จะต้องเจอช่วงมรสุม “black january” หรือ “black นั่น black นี่” ตามวัฏจักรของทีมที่ขึ้นที่สูง
ถึงตอนนั้นแหละครับหัวจิตหัวใจความนิ่งจะถูกทดสอบหนักๆและพวกแข้งซีเนียร์จะมีส่วนสำคัญในการนำพาทีมผ่านช่วงเวลานั้น
ผมยังมองว่า แมนฯซิตี้ จะอาศัยจังหวะเป็น “ผู้ล่า” และ “ผู้ตาม” สร้างความท้าทายให้ตัวเองเข้าสู่โหมดโกยแต้มรัวๆเพื่อกดดัน “ปืนใหญ่” และรอแซงเมื่อเห็นเหยื่อเริ่มอ่อนแรง
บอลโลกรอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 2 และนัดที่ 3 เริ่มเข้มข้น intensive มากกว่าเกมแรกเมื่อมีเงื่อนไขเข้ามาเป็นตัวแปร พรีเมียร์ลีกในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้ก็เช่นเดียวกัน
2 เดือนที่ว่านี้หาก “ปืนใหญ่” ยังรักษาจ่าฝูงเอาไว้ได้ ผมค่อนข้างเชื่อว่าตอนนั้นไม่น่าจะมีทีมไหนมาหยุด อาร์เซนอล ได้แน่ๆ
ขอยืมประโยคของ เมอร์สัน ทิ้งท้ายบทความและถือโอกาสสวัสดีปีใหม่แฟนๆที่เหนียวแน่นของ SS มาไว้ ณ ที่นี้พร้อมกันครับ…
สถิติ สถิติ สถิติ
อาร์เซนอล เป็นเพียงทีมที่ 5 ในประวัติศาสตร์ลีกสูงสุดของ อังกฤษ ที่โกยได้ถึง 43 แต้มใน 16 เกมแรกของซีซั่น (ชนะได้ 3 แต้ม) ต่อจาก สเปอร์ส (1960/61), เชลซี (2005/06) แมนฯซิตี้ (2017/18) และ ลิเวอร์พูล (2019/20)
หลังทำประตูได้ภายใน 66 วินาที, บูกาโย่ ซาก้า ยิงนัดเยือนในพรีเมียร์ลีกเร็วสุดให้ อาร์เซนอล นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2013 ซึ่ง ธีโอ วัลค็อตต์ ซัดใส่ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส เพียงแค่ 20 วินาทีเท่านั้น
โอเดการ์ด มีส่วนร่วมมากถึง 12 ประตูใน 13 เกมพรีเมียร์ลีกหลังสุด (7 ประตู, 5 แอสซิสต์) ซึ่งซีซั่นนี้
เอ็นเคเทียห์ ยิงไปแล้ว 10 ประตูจากการออกสตาร์ตเป็นตัวจริง 16 เกมให้ อาร์เซนอล ในทุกรายการโดย 3 นัดหลังสุดที่ออกสตาร์ตยิงประตูทุกนัด (3 ประตู)
แม้ปีนี้จะมีบอลโลกมาคั่นแต่ 21 ประตูของ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ทำให้เขาเป็นนักเตะที่ยิงประตูก่อนขึ้นศักราชใหม่มากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นเดียว
21 ประตูที่จอมมารบูยิงได้ในซีซั่นนี้มากกว่าที่ เอฟเวอร์ตัน ยิงได้ทั้งทีมถึง 8 ลูก (13 ประตู)
เอริค เทน ฮาก พาทีมชนะไปแล้ว 10 จาก 16 เกมในพรีเมียร์ลีกโดยในบรรดากุนซือที่คุม แมนฯยูฯ มีเพียง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่แตะชัย 10 นัดด้วยจำนวนเกมน้อยกว่า
มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิง 3 นัดติดในทุกรายการให้ แมนฯยูฯ เป็นหนแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2019 และวันนี้ยังฉลองมีส่วนร่วมกับประตูในพรีเมียร์ลีกครบ 100 ลูก (ยิง 65, แอสซิสต์ 35)
ดร.แรช ยิงไปแล้ว 12 ประตู(พรีเมียร์ลีก)ในฐานะตัวสำรอง เป็นรองแค่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา (17) และ ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ (14)
วูลฟ์แฮมป์ตัน ยิงได้แค่ 2 ประตูใน 8 เกมหลังสุดในการเจอกับ แมนฯยูฯ ทุกรายการโดย 6 จาก 8 เกมที่ว่านี้ยิงไม่ได้เลยด้วย
ที่มา: soccersuck